เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 นายโสรัจ สุขถาวร กงสุลใหญ่ฯ และนางสาวกนกพร โชติปาล อัครราชทูต (ฝ่ายเศรษฐกิจการลงทุน) สำนักงานเศรษฐกิจการลงทุน ประจำกรุงโตเกียว ได้เข้าร่วมกิจกรรมเยี่ยมชมอุตสาหกรรมของเมืองคิตะคิวชู จังหวัดฟูกูโอกะ ตามคำเชิญขององค์กรส่งเสริมเศรษฐกิจระหว่างประเทศคิวชู (Kyushu Economy International - KEI) สหพันธ์เศรษฐกิจคิวชู (Kyukeiren) สำนักงานเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมในภูมิภาคคิวชู (METI Kyushu) และเทศบาลเมืองคิตะคิวชู โดยกิจกรรมครั้งนี้ได้มีการเชิญผู้แทนคณะทูต หน่วยงานรัฐบาลต่างประเทศ และบริษัทต่างชาติ กว่า 30 คน เยี่ยมชมและรับฟังบรรยายเกี่ยวกับอุตสาหกรรมที่โดดเด่นต่าง ๆ ของเมืองคิตะคิวชู

เมืองคิตะคิวชูเป็นเมืองสำคัญของคิวชู มีศักยภาพด้านเศรษฐกิจ เป็นเมืองท่า เมืองอุตสาหกรรม และเป็นเมืองต้นแบบด้านอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ สิ่งแวดล้อม และการบริหารจัดการของเสีย อีกทั้งยังมีแผนการดำเนินงานของเมืองที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals - SDGs)

ในการร่วมกิจกรรมนี้ มีการเยี่ยมชมและรับฟังการบรรยายจากบริษัท Yaskawa Electric Corportion (ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายหุ่นยนต์อุตสาหกรรม โดยในครั้งนี้ได้นำเสนอการใช้หุ่นยนต์ที่สามารถทำงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างปลอดภัยในการผลิต/ประกอบชิ้นส่วนในอุตสาหกรรมต่าง ๆ) บริษัท Astec Irie (การรีไซเคิลแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์) บริษัท Shinryo Corporation (การรีไซเคิลแผง Solar Panel) และบริษัท EV Motors Japan (การใช้ระบบขนส่ง EV Bus) รวมทั้งได้เยี่ยมชมศูนย์ Eco Town ของเมืองคิตะคิวชู และสถานที่ผลิตไฟฟ้าพลังงานลม ในโอกาสนี้ กงสุลใหญ่ฯ และอัครราชทูต (ฝ่ายเศรษฐกิจการลงทุน) ได้ทำความรู้จักและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับผู้แทนจากองค์กรและบริษัทต่าง ๆ ที่เข้าร่วมเพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมระหว่างกันต่อไป

ต่อมา เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฟูกูโอกะ และสำนักงานเศรษฐกิจการลงทุน ประจำกรุงโตเกียว ได้ร่วมกันจัดสัมมนาการส่งเสริมการลงทุนในประเทศไทย หัวข้อ “ยุทธศาสตร์ใหม่สำหรับการส่งเสริมการลงทุนของ BOI และโอกาสทางธุรกิจของบริษัทญี่ปุ่นในไทย” ณ TKP Kokura-Ekimae Conference Center โดยมีผู้บริหารเทศบาลเมืองคิตะคิวชู และผู้บริหารบริษัทต่าง ๆ ในเมืองคิตะคิวชู เข้าร่วมกว่า 20 คน ซึ่งภายหลังการบรรยายโดยวิทยากรของสำนักงานเศรษฐกิจการลงทุน ประจำกรุงโตเกียวแล้ว ฝ่ายไทยยังได้จัดช่วงเวลาเพื่อพบปะหารือทางธุรกิจเป็นรายบริษัท อีกจำนวน 5 รายที่มีความสนใจขยายธุรกิจและการลงทุนไปยังประเทศไทยด้วย

จึงขอประชาสัมพันธ์มาเพื่อทราบโดยทั่วกัน