เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2568 นายโกศล สถิตธรรมจิตร กงสุลใหญ่ ณ เมืองฟูกูโอกะ ร่วมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหามลพิษจากขยะพลาสติกในทะเล บนเวทีการประชุม World Ocean Plastic Planning Center Symposium ณ จังหวัดซากะ โดยมีผู้ร่วมเสวนาได้แก่ ผู้ว่าราชการจังหวัดซากะ กงสุลใหญ่อินเดียประจำเมืองฟูกูโอกะ และผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตฟินแลนด์ประจำประเทศญี่ปุ่น และมีผู้เข้าร่วมการประชุมกว่า 120 คน จากทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศ ครอบคลุมทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ
ภาคประชาสังคม และสื่อมวลชน ตลอดจนองค์การระหว่างประเทศ

ในการเสวนาดังกล่าว กงสุลใหญ่ฯ นำเสนอความพยายาม โอกาสและความท้าทายของไทยในการป้องกันและแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกในทะเล อาทิ การมีแผนที่นำทาง (Roadmap) เพื่อแก้ไขปัญหาขยะพลาสติก การออกกฎหมายเกี่ยวกับห้ามการใช้พลาสติกที่ใช้ได้ครั้งเดียว การใช้และการใช้กลไกระหว่างประเทศเป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาทั้งในกรอบสหประชาชาติและกรอบอาเซียน ตลอดจนการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการร่วมกันสร้างวัฒนธรรม “ขยะเป็นศูนย์” ตั้งแต่ต้นทาง และการมีส่วนรับผิดชอบของภาคเอกชนในฐานะผู้ผลิต ภายใต้แนวคิดการเป็นหุ้นส่วนร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (Public-Private-Partnership: PPP)

ผู้ร่วมเสวนาจากอินเดียและฟินแลนด์เห็นพ้องกับกงสุลใหญ่ฯ ในเรื่องความสำคัญของการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหา รวมถึงการสร้างเจตนารมณ์ระหว่างประเทศเพื่อนำไปสู่การมีตราสารทางกฎหมายสำหรับการแก้ไขปัญหาพลาสติกอย่างยั่งยืน โดยเสนอให้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรมควบคู่ไปด้วย เช่น ในการออกแบบผลิตภัณฑ์พลาสติกให้เกิดการใช้อย่างหมุนเวียน

อนึ่ง ก่อนการเสวนา กงสุลใหญ่ฯ ได้ร่วมกับผู้เข้าร่วมประชุม เก็บขยะพลาสติกที่ชายหาดบริเวณแหลมฮาโดะ เมืองคารัตสึ ซึ่งเป็นจุดที่ขยะทะเลถูกกระแสลมพัดพามา ทั้งนี้ จังหวัดซากะอยู่ระหว่างการก่อสร้างอาคารศูนย์ World Ocean Plastic Planning Center หรือ PLAPLA เพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนความร่วมมือกับต่างประเทศ ตลอดจนเป็นสถานที่เรียนรู้และสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาขยะทะเลแก่ภาคประชาสังคม

ปัจจุบัน ทั่วโลกผลิตขยะพลาสติกกว่า 400 ล้านตันต่อปี โดยไทยถูกจัดอันดับเป็นผู้ผลิตขยะพลาสติกสูงสุดเป็นอันดับ 10 ของโลก ปริมาณกว่า 3 ล้านตันต่อปีและมีบางส่วนรั่วไหลลงสู่ทะเล โดยที่ปัญหาขยะพลาสติกทางทะเลนั้นไม่มีพรมแดน และต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหา ทุกภาคส่วนในสังคมไทยจึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทั้งการผลิตและการบริโภคสู่ความยั่งยืน ซึ่งนอกจากจะช่วยลดมลพิษทางทะเลที่มีผลกระทบต่อชีวิตของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตที่เป็นเพื่อนร่วมโลกแล้ว ยังจะเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยจากผู้ผลิตขยะพลาสติกไปสู่ผู้มีบทบาทสร้างสรรค์ในการแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกอย่างจริงจังร่วมกับประชาคมโลกด้วย