คำกล่าวกงสุลใหญ่ ณ เมืองฟูกูโอกะ ในโอกาสงานเลี้ยงรับรองวันชาติไทย ประจำปี 2568

คำกล่าวกงสุลใหญ่ ณ เมืองฟูกูโอกะ ในโอกาสงานเลี้ยงรับรองวันชาติไทย ประจำปี 2568

วันที่นำเข้าข้อมูล 4 ธ.ค. 2568

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 4 ธ.ค. 2568

| 63 view

คำกล่าวกงสุลใหญ่ ณ เมืองฟูกูโอกะ
ในโอกาสงานเลี้ยงรับรองวันชาติไทย ประจำปี 2568
วันที่ 3 ธันวาคม 2568 ณ โรงแรม Grand Hyatt Fukuoka
-------------------------------------------

IMG_6515

ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดฟูกูโอกะ
ท่านประธานสภาจังหวัดฟูกูโอกะ
ท่านผู้แทนสมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และผู้ว่าราชการจังหวัดต่าง ๆ
เพื่อนคณะกงสุลต่างประเทศและองค์การระหว่างประเทศในเมืองฟูกูโอกะ
แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน

Konnichiwa
วันที่ 5 ธันวาคมของทุกปีเป็นวันที่สำคัญยิ่งของชาวไทย ด้วยเป็นวันชาติไทยและวันพ่อแห่งชาติ ตามวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระมหากษัตริย์ผู้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจเพื่อการพัฒนาและการเจริญสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศ จนเป็นที่ประจักษ์และยอมรับในเวทีระหว่างประเทศ โดยเมื่อปี 2506 (ค.ศ. 1963) หรือตรงกับปีรัชศกโชวะที่ 38 พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ ในฐานะพระราชอาคันตุกะของจักรพรรดิญี่ปุ่น การเสด็จเยือนญี่ปุ่นในครั้งนั้น นับเป็นพระวิสัยทัศน์อันกว้างไกล และพระมหากรุณาธิคุณอันใหญ่หลวงในการวางรากฐานความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศ ซึ่งมิได้จำกัดอยู่เพียงแค่ระดับรัฐบาล แต่ได้ขยายผลไปสู่ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การศึกษา และสังคม ในระดับประชาชนที่เจริญรุ่งเรืองมาจวบจนปัจจุบัน

เมื่อ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ดวงใจของพสกนิกรชาวไทยต้องปกคลุมด้วยม่านหมอกแห่งความโศกเศร้า จากการเสด็จสวรรคตของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ผู้ทรงเป็นมิ่งขวัญ และ “แม่ของแผ่นดิน” และไม่เพียงแต่ประชาชนชาวไทย มิตรประเทศทั่วโลกต่างก็พร้อมใจถวายความอาลัยและน้อมรำลึกในพระราชกรณียกิจนานัปการที่พระองค์ทรงบำเพ็ญมาโดยตลอดพระชนม์ชีพ โดยเฉพาะการส่งเสริมคุณภาพชีวิตและการสร้างงานสร้างอาชีพให้สตรีและผู้ด้อยโอกาสในพื้นที่ต่าง ๆ ของประเทศไทย ในโอกาสนี้ ผมขอขอบคุณทุกท่านที่ได้เดินทางมาร่วมลงนามแสดงความอาลัย ณ ที่ทำการสถานกงสุลใหญ่ฯ ตลอดจนการมีหนังสือแสดงความอาลัย

ปี 2568 (ค.ศ. 2025) เป็นปีแห่งความท้าทายของ “ระเบียบโลก” จากการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เข้มข้นของประเทศมหาอำนาจ ซึ่งยังคาดเดาได้ยากว่าจะจบลงเช่นไร เราได้เห็นการเปลี่ยนจากโลกแห่งการค้าเสรีเป็นการกีดกันทางการค้า ได้เห็นความเสื่อมถอยของกลไกพหุภาคี ตลอดจนการแบ่งแยกระบบห่วงโซ่อุปทานในหลาย ๆ อุตสาหกรรม นอกจากนี้ ประเทศต่าง ๆ ยังต้องพบกับความท้าทาย “รายประเด็น” ไม่ว่าจะเป็น สังคมผู้สูงอายุ การมีอัตราการเกิดต่ำ การเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว (technology disruption) การหลอกลวงออนไลน์หรือสแกมเมอร์ และภัยธรรมชาติที่รุนแรงอันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแบบสุดขั้ว ดังเช่นปัญหาอุทกภัยครั้งใหญ่ที่ภาคใต้ของไทยกำลังประสบอยู่ในขณะนี้ ซึ่งสิ่งต่าง ๆ ที่ได้กล่าวมานี้ สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นที่พวกเราต้องร่วมมือกันมากขึ้นไม่ใช่แบ่งแยกกัน

สำหรับไทย ปี 2568 (ค.ศ. 2025) ก็เป็นทั้งปีแห่งความสำเร็จ และปีแห่งความท้าทาย เศรษฐกิจไทยยังคงขยายตัวได้จากปีที่แล้วแม้จะในอัตราที่ลดลง ขณะที่กระบวนการตามแผนเข้าเป็นสมาชิก OECD ก็มีความคืบหน้าเป็นลำดับ โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นสมาชิกเต็มรูปแบบในอีกไม่เกิน 5 ปีข้างหน้า ขณะเดียวกัน ความท้าทายต่าง ๆ ก็ทำให้รัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างและวางโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ ในด้านพลังงานสะอาดเพื่อรองรับการลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งไทยมีจุดแข็งด้านพื้นที่และอ่างเก็บน้ำจำนวนมากที่สามารถพัฒนาเป็นโซลาร์ฟาร์ม และในด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อรองรับอุตสากรรมแห่งอนาคต รัฐบาลไทยให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมการลงทุน “คุณภาพ” จากต่างประเทศมาโดยตลอด ซึ่งญี่ปุ่นเป็น “หุ้นส่วนที่เชื่อถือได้” (trusted partner) ของไทยมาอย่างยาวนานจากการที่ไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนของญี่ปุ่นมาตั้งแต่ทศวรรษ 1980 และไทยจะยังคงรักษาความร่วมมือที่สำคัญนี้ไว้ โดยในเดือนหน้านี้ จะมีการบังคับใช้มาตรการลดภาษีใหม่สำหรับการผลิตรถยนต์ Hybrid ในประเทศไทยด้วย

ขณะเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายต่างมองหาความร่วมมือในอนาคตที่มีศักยภาพเพื่อเป็น “เครื่องจักรใหม่ ๆ ในการเติบโต” (new engines of growth) เพื่อขับเคลื่อนความสัมพันธ์ทวิภาคี ซึ่งกำลังเดินเข้าสู่ปีที่ 140 แห่งความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันในอีกสองปีข้างหน้า ญี่ปุ่นเป็นมิตรประเทศแรกที่ไทยจัดตั้งสถานเอกอัครราชทูตในต่างประเทศเมื่อปี 2484 (ค.ศ. 1941) อันไม่เพียงสะท้อนถึงความสัมพันธ์อันยาวนานและมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ระหว่างสองประเทศ แต่ยังบ่มเพาะความผูกพันอันใกล้ชิดระหว่างประชาชนของทั้งสองฝ่าย ผู้ซึ่งเป็นกำลังขับเคลื่อนความสัมพันธ์ฉันมิตรที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง

ภูมิภาคเอเชียและอินโดแปซิฟิกทวีความสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์ต่อการรักษาสมดุลทั้งในมิติความมั่นคงและเศรษฐกิจของโลก “วิถีแห่งเอเชีย” ซึ่งไทยและญี่ปุ่นต่างมีความเข้าใจร่วมกันอย่างลึกซึ้งเป็นพื้นฐานสำคัญในการร่วมกันรับมือกับการแข่งขันทางภูมิเศรษฐศาสตร์ที่เข้มข้นขึ้น ด้วยเหตุนี้ ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ไทยจึงได้ยกระดับความสัมพันธ์กับเพื่อนประเทศสมาชิกอาเซียน สู่หุ้นส่วนยุทธศาสตร์กับอินโดนีเซีย และหุ้นส่วนยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านกับเวียดนาม และสำหรับญี่ปุ่น การขับเคลื่อน “หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน” ผ่านแผนปฏิบัติการร่วมว่าด้วยยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น ค.ศ. 2022 - 2026 เป็นหมุดหมายเชิงกลยุทธ์ร่วมที่สำคัญในการรับมือกับการแข่งขันทางการค้าภายใต้ระเบียบโลกใหม่ ตลอดจนตอบโจทย์ประเด็นความมั่นคงรูปแบบใหม่หรือความท้าทาย “รายประเด็น” ที่ได้กล่าวถึงข้างต้น

“การพัฒนาที่ยั่งยืน” เป็นประเด็นที่ไทยและญี่ปุ่นต่างให้ความสำคัญและมองว่าเป็น “หนทางออก” แก่ประเด็นความท้าทายใหม่ ๆ ไทยจึงมีบทบาทนำอย่างแข็งขันผ่านกรอบความร่วมมือทั้งในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ โดยใช้แนวทางการพัฒนาที่เป็นของตนเอง (locally-driven development approach) ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy Philosophy: SEP) และเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน

แน่นอนว่า การบรรลุเป้าหมายดังกล่าวย่อมต้องเกิดจากพลังแห่งความเป็นหุ้นส่วน (partnership) ที่เข้มแข็ง สถานกงสุลใหญ่ฯ เชื่อมั่นว่า การสร้างหุ้นส่วนพันธมิตรระหว่างไทยกับญี่ปุ่นในระดับ “ท้องถิ่น” เป็นกุญแจสำคัญในการเดินหน้าแปลงเจตนารมณ์สู่ความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรม

ด้วยตระหนักว่า ญี่ปุ่นไม่ใช่แค่โตเกียวฉันใด ประเทศไทยก็ไม่ใช่แค่กรุงเทพฯ ฉันนั้น สถานกงสุลใหญ่ฯ จึงมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่งในการผลักดันข้อริเริ่มด้านการแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวปฏิบัติที่ดี และความเชี่ยวชาญระหว่างไทยกับ 13 จังหวัดในเขตกงสุลทั่วภูมิภาคคีวชู ชูโกกุ และโอกินาวะ ในสาขาศักยภาพร่วม ไม่ว่าจะเป็นสังคมสูงวัย ด้านการแพทย์และสาธารณสุข ความหลากหลายและความสมดุลทางชีวภาพ สิ่งแวดล้อม การป้องกันภัยพิบัติ ความมั่นคงทางอาหาร รวมถึงอุตสาหกรรมเกษตรและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ตลอดจนการเชื่อมโยงห่วงโซ่การผลิตและการเสริมสร้างระบบนิเวศร่วมระหว่างกัน เพื่อช่วยเสริมกำลังของทั้งสองฝ่ายให้เข้มแข็งขึ้น และในระยะยาว เพื่อช่วยเสริมสร้างสภาพแวดล้อมที่มั่นคง และยั่งยืนให้แก่ภูมิภาคนี้ด้วย

ในโอกาสนี้ ผมขอขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 13 จังหวัดในภูมิภาคคีวชู ชูโกกุ และโอกินาวะ และหน่วยงานญี่ปุ่นทุกภาคส่วน ที่แสดงความมุ่งมั่นร่วมกับสถานกงสุลใหญ่ฯ ในการพัฒนาความร่วมมือระหว่างไทยกับญี่ปุ่น ผมเองก็ขอยืนยันความพร้อมอีกครั้งในนามของ “ทีมประเทศไทย” ทั้งสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานฟูกูโอกะ และสำนักงานตัวแทนส่งเสริมการค้า ณ เมืองฮิโรชิมะ ตลอดจนผู้ช่วยทูตในด้านต่าง ๆ ของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ในการสนับสนุนภารกิจและขับเคลื่อนความร่วมมืออย่างรอบด้านเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศต่อไป

ขอบคุณครับ Doumo Arigato Gozaimasu

เอกสารประกอบ

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับที่_80_ปี_2568.pdf