เมื่อวันที่ 6 และ 9 สิงหาคม 2568 นายโกศล สถิตธรรมจิตร กงสุลใหญ่ ณ เมืองฟูกูโอกะ ในฐานะผู้แทนเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว พร้อมด้วยคู่สมรส และเจ้าหน้าที่สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฟูกูโอกะ ได้เข้าร่วมพิธีรำลึกสันติภาพในวาระการครบรอบ 80 ปีแห่งการทิ้งระเบิดปรมาณู ณ เมืองฮิโรชิมะและเมืองนางาซากิ เพื่อย้ำเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นของไทยที่จะร่วมกับญี่ปุ่นและประชาคมระหว่างประเทศในการเสริมสร้างสันติภาพและสนับสนุนการไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ โดยที่เมืองฮิโรชิมะ มีผู้แทนเข้าร่วมจาก 120 ประเทศ และที่เมืองนางาซากิ 94 ประเทศ รวมถึงผู้แทนจากสหภาพยุโรป สหประชาชาติ และองค์กรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง

ในโอกาสนี้ กงสุลใหญ่ฯ ได้ร่วมกับผู้แทนจากประเทศต่างๆ ตลอดจนผู้แทนรัฐบาลญี่ปุ่น ผู้แทนรัฐบาลเมืองและจังหวัดฮิโรชิมะและนางาซากิ และองค์กรและผู้รอดชีวิตและครอบครัวของผู้เสียชีวิต แสดงความอาลัยแด่ผู้เสียชีวิตและแสดงความเสียใจแด่ผู้ที่รอดชีวิตจากการทิ้งระเบิดปรมาณู (Hibakusha)

นายอิชิบะ ชิเงรุ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้กล่าวถ้อยแถลงในพิธีรำลึก โดยย้ำถึงการยึดมั่นต่อ “หลักการ 3 ไม่” ว่าด้วยอาวุธนิวเคลียร์ของญี่ปุ่น (Three Non-Nuclear Principles คือ ไม่ครอบครอง ไม่ผลิต และไม่อนุญาตให้นำเข้ามาในประเทศ) และเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศปฏิบัติตามพันธกรณีและเพิ่มความพยายามในการดำเนินการตามสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (Non-Proliferation of Nuclear Weapons Treaty: NPT) ตลอดจนแผนปฏิบัติการฮิโรชิมะ (Hiroshima Action Plan) ที่ระบุมาตรการที่เป็นรูปธรรมซึ่งรัฐที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์และรัฐที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ควรดำเนินการร่วมกัน

นอกจากนี้ ยังได้กล่าวยกย่องความพยายามอย่างไม่ย่อท้อขององค์กร Nihon Hidankyo ในการผลักดันให้โลก “ปราศจากอาวุธนิวเคลียร์” จนได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปี ค.ศ. 2024 นอกจากนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นแล้ว Hibakusha ได้รับเชิญให้ถ่ายทอดประสบการณ์ตรงและความทรงจำ เพื่อให้คนรุ่นตระหนักถึงหายนะจากสงคราม ขณะที่ผู้แทนรัฐบาลท้องถิ่นให้ความสำคัญกับการดำเนินการตามพระราชบัญญัติช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากระเบิดปรมาณูของญี่ปุ่น ค.ศ. 1995 เพื่อเยียวยา Hibakusha ที่ปัจจุบันมีอายุเฉลี่ย 86 ปี และเหลือจำนวนไม่ถึง 1 แสนคนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการเก็บสถิติ